Tag - RFID Reader

Animal ID

สัตว์ในฟาร์มกำลังป่วย เราจะรู้ได้อย่างไร

จากบทความครั้งก่อน เราได้กล่าวถึง Animal Identification Tag หรือ Animal ID ว่าคืออะไร และถูกนำมาใช้งานอย่างไรไปในเบื้องต้นแล้ว ในครั้งนี้เราจะมายกตัวอย่างการใช้งานและประโยชน์เพิ่มเติม เพื่อการจัดการและบริหารดูแลฟาร์มปศุสัตว์ให้ได้ดียิ่งขึ้น  ปัญหาที่พบได้บ่อยๆ ในสัตว์ต่างๆ เช่น วัว แพะ หรือ แกะ มักมีอาการป่วยได้ง่าย เป็นผลมาจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ความไม่แข็งแรงของร่างกาย หรือแม้กระทั่งการติดเชื้อใดๆ เป็นต้น โดยการป่วยของสัตว์เพียงหนึ่งตัวนั้น อาจมีการแพร่เชื้อและลุกลามไปยังตัวอื่นๆ ได้ และอาจทำให้สัตว์ทั้งหมดในฟาร์มป่วย ดังนั้นการติดตามสัตว์และป้องกันกระจายของเชื้อจึงเป็นเรื่องสำคัญ  แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าสัตว์ตัวนั้นกำลังป่วย  เราสามารถทราบได้ว่าสัตว์ตัวนั้นกำลังป่วยหรือไม่ ทำได้ด้วยการวัดอุณหภูมิร่างกาย แต่เนื่องด้วยข้อจำกัดที่ทำให้เราไม่สามารถวัดอุณหภูมิของสัตว์ได้ตลอดเวลา เราจึงอาศัยการสังเกตจากพฤติกรรมของสัตว์ โดยพบว่าหากสัตว์มีอาการป่วยหรือไม่สบาย จะมีการกินอาหารที่น้อยลงผิดปกติ ซึ่งสามารถประเมินเบื้องต้นได้ว่า สัตว์ตัวนั้นกำลังป่วยอยู่   Animal Tag จะช่วยได้อย่างไร  การที่สัตว์ทุกตัวในฟาร์มมีการติดตั้ง Animal Tag (RFID) ทำให้เราสามารถระบุตัวตนและแยกความแตกต่างของสัตว์แต่ละตัวได้จาก ID (Identification) โดยการตรวจสอบว่าสัตว์ป่วยหรือไม่นั้น ทำได้ด้วยการติดตั้งเครื่องอ่านแท็ก (RFID Reader) ไว้บริเวณรางให้อาหารสัตว์ เมื่อสัตว์เดินมากินอาหาร แท็กกับเครื่องอ่านจะสื่อสารกันด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency; RF) ที่ความถี่ต่ำ 134.2 kHz เพื่อเป็นการเก็บและบันทึกข้อมูล (ID) ของสัตว์ตัวนั้นๆ ถึงพฤติกรรมการกินอาหาร ว่ามีการกินอาหารบ่อยแค่ไหน หากความถี่ในการกินอาหารน้อยผิดปกติ ระบบจะทำการแจ้งเตือน เพื่อให้เราสามารถเข้าไปตรวจสอบอาการของสัตว์ที่ป่วยได้อย่างถูกตัวตาม ID และทำการแยกสัตว์ตัวนั้นออกมา เพื่อป้องการแพร่กระจายของเชื้อ และรักษาอาการต่อไป  บมจ.ซิลิคอน...

Read more...
Animal ID-Smart Farm

ยกระดับปศุสัตว์ให้เป็น Smart Farm ด้วย Animal Tag

สืบเนื่องจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้เร่งอัตราความต้องการปัจจัย 4 พื้นฐานมากยิ่งขึ้น เหนือสิ่งอื่นใดแล้วสิ่งที่มนุษย์ต้องการมากที่สุดคืออาหาร และจำเป็นต้องคำนึงถึงความสะอาด ปลอดภัย และกระบวนการการผลิตที่ถูกสุขลักษณะ ทำให้เกษตรกรจำเป็นต้องบริหารจัดการฟาร์มปศุสัตว์ให้ดีมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถผลิตอาหารได้เพียงพอและรองรับตามความต้องการของผู้บริโภคในยุคนี้  แล้วจะมีสิ่งใดที่จะมาช่วยเกษตรกรกับการควบคุมการผลิตนี้? หลายคนอาจจะเคยไปเยี่ยมชมฟาร์มปศุสัตว์กันมาบ้างแล้ว สงสัยกันไหมว่า ที่หูของวัวหรือแกะนั้นมีหน้าที่อะไร มันคือต่างหูสัตว์หรือป่าวนะ? ติดไปเพื่ออะไร? วันนี้เรามีคำตอบมาให้ทุกคนได้หายสงสัยกันครับ  สิ่งที่ติดอยู่กับหูของวัว หรือแกะนั้น คือ “Animal Identification Tag” หรือเรียกสั้นๆ ว่า “Animal ID” นั่นเอง โดย Animal ID คือไมโครชิพสำหรับระบุตัวตนของสัตว์ เป็นการบอก ID หรือหมายเลขเฉพาะตัวของสัตว์ตัวนั้นๆ ซึ่งคล้ายๆ กับการที่คนเรามีหมายเลขประจำตัวประชาชน โดยเลข ID นี้ จะช่วยให้เจ้าของฟาร์มสามารถจดจำและจำแนกสัตว์แต่ละตัวได้ เนื่องจากการจำแนกจากลักษณะภายนอกคงเป็นเรื่องยาก นอกจากนี้ “Animal Tag” ยังสามารถใช้ในการนับจำนวนสัตว์ได้อีกด้วย ยกตัวอย่างให้เข้าใจกันมากขึ้น เช่น การเลี้ยงวัว จำเป็นต้องปล่อยวัวออกไปทุ่งหญ้าด้านนอก ในขณะที่ต้อนวัวกลับมาเข้าคอก ณ จุดประตูทางเข้าคอกจะมีีเครื่องอ่านแท็ก หรือ RFID Reader และเมื่อวัวเดินผ่านประตู เครื่องอ่านจะเก็บ ID หรือข้อมูลของวัวแต่ละตัวเพื่อเป็นการตรวจสอบจำหนวน และสถานะของวัวนั่นเอง  การสื่อสารระหว่างตัว RFID Tag และ Reader นั้น เป็นการสื่อสารผ่านคลื่นวิทยุไฟฟ้า หรือ RFID ด้วยคลื่นพาหะความถี่ต่ำ (Low Carrier Frequency) ที่ 134.2 kHz โดยรับส่งข้อมูลในช่วงระยะไม่เกิน 1 เมตร ซึ่งเทคโนโลยีนี้ทำให้เจ้าของฟาร์มสามารถตรวจสอบได้ทันที หากวัวกลับมาไม่ครบ โดยดูจากเลข ID ที่หายไปนั้นเอง  ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี (SIC) เป็นผู้ออกแบบและจำหน่ายไมโครชิพสำหรับป้ายระบบลงทะเบียนสัตว์ (Animal Identification Tags) หรือป้ายทะเบียนสัตว์อิเล็กทรอนิกส์ มาอย่างต่อเนื่องกว่า 18 ปี ด้วยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ “SIC278” ได้แก่ ระยะในการสื่อสารที่ไกลกว่าคู่แข่งในเชิงเปรียบเทียบกว่า 10% และสอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำที่กำหนด ทำให้คู่ค้าของบริษัทที่นำผลิตภัณฑ์ไปใช้สามารถนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพที่โดดเด่น ในต้นทุนที่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้  โดยประโยชน์ของการใช้งานของ Animal Tag หรือ Animal ID ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ครั้งหน้าเราจะพูดถึงการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในอีกรูปแบบสำหรับฟาร์มปศุสัตว์กันต่อ โปรดติดตามกันด้วยนะครับ 

Read more...