บ้านปลอดภัย ด้วยระบบล็อกประตูอัจฉริยะ (Smart Lock)

Reader-smartlock-banner

บ้านปลอดภัย ด้วยระบบล็อกประตูอัจฉริยะ (Smart Lock)

ในยุคดิจิทัลนี้ เทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นและเปลี่ยนกันรายนาที พร้อมกับการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน และเข้ามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้น ในขณะเดียวกันบางสิ่งก็เข้ามาแทนที่กับสิ่งที่เคยมีมา เป็นการตอบสนองต่อความต้องการอย่างไร้ขีดจำกัดของมนุษย์ ทั้งในด้านความสะดวกสบาย ความทันสมัย ความฉลาด และความปลอดภัย 

Smart Lock หรือระบบล็อกอัจฉริยะ คือเทคโนโลยีหนึ่งที่เกิดขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวก สร้างความปลอดภัย และความมั่นใจให้กับการล็อกประตู เพื่อแทนที่การใช้งานแบบเดิมๆ ซึ่งอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์การใช้งานในยุคปัจจุบันอีกต่อไป อย่างเช่น ระบบล็อกธรรมดาแบบไขกุญแจ ระบบล็อกรหัสแบบหมุน หรือแม้กระทั่งระบบรหัสอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น แต่ระบบเหล่านี้ ล้วนถือเป็นต้นกำเนิดของ Smart Lock 

reader-smart-lock

Smart Lock เป็นระบบล็อกเครื่องกลไฟฟ้า ใช้การสื่อสารแบบไร้สายหรือเทคโนโลยี RFID และมีการเข้ารหัส เพื่อให้สามารถล็อกและปลดล็อกประตูได้ โดยระบบล็อกประกอบด้วย 2 ส่วน คือ เครื่องอ่าน (ตัวล็อก) และกุญแจ โดยกุญแจนี้ไม่ใช่กุญแจแบบทั่วไป แต่อาจจะเป็นในรูปแบบของการ์ด (RFID tag) หรือสมาร์ทโฟนนั่นเอง ทำให้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องพกพากุญแจ ก็สามารถเข้าออกได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังสามารถตรวจเวลาการเข้าออก และการแจ้งเตือนเหตุการณ์ต่างๆ จากสมาร์ทโฟนได้เช่นกัน 

แต่สำหรับเครื่องอ่าน (ตัวล็อก) ก็ยังมีข้อจำกัดในการใช้งานเช่นกัน คือ การกินพลังงานสูง โดยระบบล็อกประตูจำเป็นต้องใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เท่านั้น ทำให้การใช้งานเครื่องอ่านสิ้นเปลืองพลังงานมาก เป็นเหตุให้จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่อยู่บ่อยครั้ง 

SIC จึงเล็งเห็นและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหานี้ เกิดเป็นไมโครชิพสำหรับเครื่องอ่าน “RA12” ที่มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยประหยัดพลังงาน คือ Card Detection Mode โดยมีหลักการทำงานสำคัญ ทุกครั้งเมื่อเราต้องการเข้าออก เราจะต้องใช้การ์ด (RFID tag) หรือ โทรศัพท์มือถือ แตะที่เครื่องอ่านเพื่อล็อกหรือปลดล็อกประตู โดยเครื่องอ่านทั่วไปจะมีการทำงานและใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ตลอดเวลา แต่ด้วยคุณสมบัติพิเศษจาก RA12 นี้ เครื่องอ่านจะลดการใช้พลังงานลงเมื่อตรวจสอบไม่พบ RFID tag และเมื่อตรวจสอบพบ RFID tag เข้ามาใกล้ เครื่องอ่านจึงเริ่มเปิดให้มีการใช้พลังงานอย่างเต็มที่อีกครั้ง ทำให้ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ และยืดอายุการใช้งานให้้นานมากขึ้นถึง 30-50% รวมถึงยังสามารถใช้งานร่วมกับระบบสื่อสารไร้สายอื่นๆ ได้อีก เช่น ไวไฟ บลูทูธ เป็น เพื่อเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ (Cloud) ให้สะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น 

Share this post